“Kasemrad Vitamins and Mineral Water : เกษมราษฎร์ วิตามิน แอนด์ มิเนอรัล วอเตอร์”
เครื่องดื่มวิตามิน ที่ถูกค้นคว้า วิจัย และพัฒนาโดยคณะแพทย์, นักโภชนาการ และผ่านการผลิตมาเป็นอย่างดี
ซึ่งผลิตโดย บริษัท บางกอก เชน แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้ดูแลและจำหน่าย เครื่องดื่มเกษมราษฎร์ วิตามิน แอนด์ มิเนอรัล วอเตอร์จากความใส่ใจของทีมบุคลากรทางการแพทย์และผู้บริหาร ที่ต้องการคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้ผู้บริโภคทุกคนมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง จากการดื่มน้ำที่สะอาด มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และพร้อมด้วยคุณประโยชน์ต่างๆจากวิตามินและแร่ธาตุ
บริษัท บางกอก เชน แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็น บริษัทฯ ในเครือ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด(มหาชน) ที่มีโรงพยาบาลกว่า 15 แห่ง โดยเริ่มดำเนินกิจการโรงพยาบาลตั้งแต่ปีพ.ศ. 2527 และได้ขยายกิจการเรื่อยมา จนกระทั่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการรักษาสุขภาพ และเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดแก่ผู้ประกันตนในโครงการประกันสังคมของประเทศไทย โดยบริษัทดำเนินกิจการ ด้วยจำนวนเตียงจดทะเบียนทั้งหมด 2,245 เตียง เพื่อรองรับกลุ่มคนไข้ทุกระดับ ภายใต้ 4 แบรนด์โรงพยาบาล คือ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และโรงพยาบาลการุญเวช นอกจากนั้น บริษัทยังมุ่งมั่นทุ่มเทในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของการสร้างคุณค่าระยะยาว ด้วยความเป็นธรรมภายใต้หลักกำกับดูแลกิจการที่ดี ทั้งนี้บริษัทมองเห็นถึงการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี จึงเกิดการค้นคว้าและพัฒนาน้ำดื่ม เกษมราษฎร์ วิตามิน แอนด์ มิเนอรัล วอเตอร์ ขึ้นในปี พ.ศ. 2564
Kasemrad Vitamins and Mineral Water
เกษมราษฎร์ วิตามิน แอนด์ มิเนอรัล วอเตอร์ น้ำดื่มวิตามินบี ซี และ ดี รวม 9 ชนิด และแร่ธาตุ 2 ชนิด พร้อมด้วย พรีไบโอติก 200 มิลลิกรัม (เครื่องดื่มน้ำตะไคร้ผสมวิตามิน บี1, บี3, บี6, ไบโอติน, กรดโฟลิก, บี12, ซี, ดี, แมงกานีสและซิงค์)
คุณประโยชน์ของวิตามินรวมและแร่ธาตุ ทั้ง 11 ชนิด และ พรีไบโอติก ช่วยทำให้สุขภาพแข็งแรง เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัย ผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และ เด็ก และร่างกายต้องการทุกวัน
โดยในน้ำดื่มเกษมราษฎร์ วิตามิน แอนด์ มิเนอรัล วอเตอร์ หนึ่งขวดจะประกอบไปด้วยคุณประโยชน์ (ต่อความต้องการใน 1 วัน/ Thai RDI) ดังนี้
- วิตามิน บี1 170%
- วิตามิน บี3 110%
- วิตามิน บี5 140%
- วิตามิน บี6 160%
- วิตามิน บี7 150%
- วิตามิน บี9 150%
- วิตามิน บี12 110%
- วิตามิน ซี 190%
- วิตามิน ดี 140%
- สังกะสี 100%
- แมงกานีส 100%
- พรีไบโอติก 200 มิลลิกรัม
ประโยชน์ของวิตามินบี
- วิตามิน บี1 เสริมสร้างกล้ามเนื้อ เส้นประสาท และหัวใจที่แข็งแรง ช่วยส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่
- วิตามิน บี3 ทำหน้าที่สำคัญการควบคุมระบบประสาทและระบบขับถ่าย นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน
- วิตามิน บี5 ทำหน้าที่ในการย่อยสลายไขมันและคาร์โบไฮเดรต เปลี่ยนให้เป็นพลังงาน ทั้งยังจำเป็นต่อการผลิตฮอร์โมน คุณจำเป็นต้องใช้วิตามิน บี5 และ บี12 ในการเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่เหมาะสม
- วิตามิน บี6 ดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน และจำเป็นต่อกระบวนการผลิตฮอร์โมนและย่อยสลายโปรตีน
- วิตามิน บี7 เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการผลิตฮอร์โมน
- วิตามิน บี9 ช่วยให้เซลล์สร้างและบำรุงดีเอ็นเอ และยังช่วยเสริมสร้างการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง
- วิตามิน บี6 บี9 และ บี12 ช่วยส่งเสริมการควบคุมระดับของกรดอะมิโนโฮโมซีสเทอีน (amino acid homocysteine) ซึ่งหากระดับนี้สูงเกินไป คุณอาจเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจได้
ประโยชน์ของวิตามินซี
- ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ และลดการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
- การรับประทานเป็นประจำจะช่วยให้ผิวใส เนียน นุ่มลื่นอย่างเป็นธรรมชาติ
- ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ช่วยในการรักษาและป้องกันโรคหวัด
- ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
- ประโยชน์วิตามินซี ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด
- ช่วยต่อต้านการสร้างสารไนโตรซามีน (สารก่อมะเร็ง)
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
- ประโยชน์ของวิตามินซี ช่วยลดความดันเลือด
- ช่วยลดการเกิดเส้นเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ
- ช่วยต่อชีวิตให้เซลล์โดยช่วยให้โปรตีนในเซลล์เกาะเกี่ยวกันได้ดีขึ้น
- ช่วยเพิ่มการดูดซึมของธาตุเหล็ก
- เป็นยาระบายตามธรรมชาติ
- เพิ่มประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
- ช่วยลดอาการที่เป็นผลมาจากสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้
- ช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียหลายชนิด
- ช่วยเร่งให้แผลหลังผ่าตัดหายเร็วยิ่งขึ้น
- ช่วยในการรักษาแผลสด แผลไหม้ให้หายเร็วยิ่งขึ้น
ประโยชน์ของวิตามินดี
นอกจากวิตามินดีจะมีหน้าที่หลักในการช่วยดูดซึมแคลเซียม ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและป้องกันโรคกระดูกบาง (Osteopenia) และกระดูกพรุน (Osteoporosis) วิตามินดียังมีคุณสมบัติพิเศษอีกมากมายที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ นั่นคือ วิตามินดีมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเพศ จึงมีบทบาทสำคัญในการควบคุมกระบวนการสำคัญต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น ช่วยลดฮอร์โมนพาราไทรอยด์ (Parathyroid Hormone) ป้องกันการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูก เพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวาน
จากการวิจัยวิตามินดีมีส่วนช่วยให้เพิ่มศักยภาพดังต่อไปนี้
- นำออกซิเจนจากเลือดส่งไปเลี้ยงกล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ ได้ดีขึ้นขณะออกกำลังกาย
- ลดอาการเมื่อยล้าและอักเสบของกล้ามเนื้อ
- เพิ่มความแข็งแรงและทนทานของกล้ามเนื้อ สามารถรับแรงกระแทกได้ดีขึ้น
ประโยชน์ของสังกะสี
- เร่งให้แผลทั้งภายใน และภายนอกร่างกายให้หายเร็วขึ้น
- กำจัดจุดขาวบนเล็บ
- ช่วยการรับรู้รสอาหาร
- ช่วยรักษาภาวะมีบุตรยาก
- ช่วยป้องกันปัญหาต่อมลูกหมาก
- เสริมสร้างการเจริญเติบโต และความตื่นตัวทางจิต และสมอง
- ช่วยลดการสะสมของคอเลสเตอรอล
- ช่วยในการรักษาโรคทางจิตใจ
- ช่วยลดระยะเวลาเจ็บป่วยและความรุนแรงของโรคหวัด
ประโยชน์ของแมงกานีส
- แมงกานีสสามารถช่วยในการป้องกันโรคกระดูกพรุน
- ช่วยลดอาการอ่อนล้าของร่างกาย
- ช่วยในกระบวนการตอบสนองของกล้ามเนื้อตามร่างกาย
- ช่วยเรื่องการทำงานของระบบประสาท ทำให้มีความจำดีขึ้น
- ช่วยลดอาการหงุดหงิดง่าย
- ช่วยในการผลิตน้ำนมสำหรับหญิงตั้งครรภ์
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคลมบ้าหมู
- ช่วยสังเคราะห์กรดไขมันและคอเลสเตอรอล
- ช่วยในการสร้างและรักษาเม็ดเลือดแดง
- ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยขับฮอร์โมนเพศในวัยเจริญพันธุ์
- ช่วยลดการเกิดไขมันสะสมตามร่างกาย โดยการเผาผลาญโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน
พรีไบโอติกส์คืออะไร ?
พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) คืออาหารชนิดหนึ่ง เป็นสิ่งไม่มีชีวิต ซึ่งร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ที่ลำไส้เล็ก อาหารเหล่านี้จึงสามารถเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ได้ในรูปไม่เปลี่ยนแปลง และจะถูกย่อยสลายโดยแบคทีเรียโพรไบโอติกส์ ทำให้กระตุ้นการเจริญเติบโตและการทำงานของแบคทีเรีย พบได้ในหัวหอม กระเทียม ถั่วเหลือง ถั่วแดง ไฟเบอร์ในผักและผลไม้ต่าง ๆ เป็นต้น
กล่าวง่ายๆ ก็คือ พรีไบโอติกส์เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์นั่นเอง ดังนั้นหากรับประทานอาหารพวกพรีไบโอติกส์ก็จะช่วยส่งเสริมฤทธิ์โพรไบโอติกส์ได้ดียิ่งขึ้น
บทบาทของโพรไบโอติกส์ในร่างกายมีอะไรบ้าง?
โพรไบโอติกส์มีบทบาทมากมายที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่างๆ ในร่างกาย ดังนี้
- ป้องกันไม่ให้เชื้อก่อโรคจับที่ผิวเยื่อบุลำไส้ โดยการสร้างเกราะป้องกันบริเวณเยื่อบุลำไส้
- ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในร่างกาย
- กระตุ้นระบบการย่อยอาหารโดยการสร้างเอนไซม์หลากหลายชนิด
- ช่วยรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในร่างกายที่เสียไป
- เหนี่ยวนำการกระตุ้นการตอบสนองต่อภูมิคุ้มกัน ทำให้มีการสร้างสารป้องกันและกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้เข้าสู่ภาวะสมดุลได้